ทุกวันนี้คุณประสบกับปัญหามลพิษจากกลิ่นที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่รึเปล่า? บางทีถังขยะบ้านคุณอาจจะเต็มเร็วเกินไปจนทำให้ถุงขยะทั้งหลายกองเป็นพะเนิน กว่าจะถึงวันเก็บขยะ ถุงดำเหล่านั้นก็ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปทั่ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงมากที่คุณอาจจะสร้างขยะในครัวเรือนมากเกินจำเป็น
แน่นอน เรารู้กันดีว่าการเก็บขยะของทางเทศบาลจำเป็นต้องมีการปรับปรุงได้แล้วจริงๆ แต่เรื่องขยะเราก็อาจจะเริ่มที่ตัวเองได้เหมือนกัน ในบทความนี้เราจะพาคุณเข้าสู่โลกของขยะ ไปทำความเข้าใจในเรื่องของการเก็บขยะในไทย และการลดปัญหาขยะจากครัวเรือนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ขยะล้นทำยังไงดี?
บางทีคุณก็อาจจะนึกกับตัวเองเหมือนกันนะว่าทำไมขยะบ้านเรามันเต็มง่ายจัง ถ้าเกิดทางเทศบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเก็บและกำจัดขยะสามารถทำงานได้ดีกว่านี้เราก็ไม่ต้องทนกลิ่นขยะเหล่านี้แล้วรึเปล่า แต่ในอีกแง่หนึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณอาจสร้างขยะมากเกินความจำเป็นก็เป็นได้ เรามาลองมองให้ลึกขึ้นว่าขยะในถังเหล่านั้นของเรามาจากอะไรบ้าง
- คุณซื้อสินค้าที่มีการห่อพลาสติกมาเยอะเกินจำเป็นไหม?
- คุณสั่งอาหารออนไลน์ หรือสั่งอาหารแบบห่อกลับบ้านบ่อยแค่ไหน เพราะอาหารเหล่านี้หลายที่จะสร้างขยะพลาสติกที่ไม่จำเป็นจำนวนมาก
- คุณคำนวณอาหารอย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าคุณอาจจะทำอาหารเยอะเกินไปจนเหลือและอาหารบางอย่างก็ไม่สามารถเก็บได้ จนกลายเป็นขยะอาหารในท้ายที่สุด
- คุณมีการวางแผนทำอาหารล่วงหน้าไหม หรือตัดสินใจวันต่อวัน?
- คุณจัดการอาหารเหลืออย่างไรและทิ้งอาหารเหล่านั้นมากแค่ไหน?
- คุณให้ความสำคัญกับการแยกขยะรีไซเคิลมากน้อยแค่ไหน?
- คุณวางขยะไว้ไหนในขณะที่รอรถมาเก็บขยะ ถ้าเกิดเอาไว้วางข้างนอก มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าข้างบ้านก็อาจจะเนียนเอาขยะมาวางไว้หน้าบ้านคุณด้วย
- ในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด คุณได้ทำงานที่บ้าน (work from home) หรือทำงานแบบผสม (hybrid working) ไหม เพราะคนที่ทำงานที่บ้านมีแนวโน้มว่าจะทำอาหารหรือสั่งอาหารมากกว่าปกติ และสร้างทั้งขยะอาหารและขยะพลาสติกพร้อมๆ กันมากเกินความจำเป็น
คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่คุณต้องลองหาคำตอบ เหมือนทำบัญชีรายรับรายจ่ายนั่นแหละ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าขยะหน้าบ้านคุณเกิดจากอะไรบ้าง และสามารถเว้นส่วนไหนได้บ้างเพื่อลดการสร้างขยะที่ไม่จำเป็น
รถเก็บขยะจะมาเก็บเมื่อไหร่?
ใประเทศไทย จำนวนครั้งและวันในการเก็บขยะจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แต่ถ้าหากขยะคุณมีมากเกินไปก็อาจจะต้องติดต่อเทศบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นมาช่วยเก็บให้ก่อนได้
ตามปกติแล้ว รถเก็บขยะจะมาเก็บขยะในพื้นที่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ก็มีบางพื้นที่เช่นกันที่ใช้เวลานานกว่านั้น อาจมีบางที่ 10 วัน/ครั้งเลยก็มี
ปัจจุบัน ในไทยมีปัญหาเรื่องการจัดการขยะ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน ด้วยปัญหาหลักๆ เลยก็คือรถเก็บขยะมีไม่พอเก็บขยะในหลายๆ พื้นที่ ทำให้หลายบ้านเกิดขยะล้นถังจนส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาทุกวี่ทุกวัน
แล้วเราจะสามารถทำยังไงกับเรื่องนี้ได้บ้างล่ะ? หากคิดแบบง่ายๆ เลยก็ซื้อถังมาเพิ่มสิ จะไปยากอะไร ซึ่งก็ใช่ เราสามารถแก้ปัญหาบางอย่างที่ปลายเหตุได้ก่อน แต่ต้นเหตุของปัญหาก็ยังไม่ได้หายไปไหน นั่นก็คือขยะไม่ถูกจัดการและปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปจนเน่าเสีย สร้างมลภาวะทางกลิ่นให้คนในพื้นที่ นี่ยังไม่รวมถึงปัญหาหมาในซอย หนู และแมลงต่างๆ ที่มาคุ้ยและถูกดึงดูดจากขยะ ซึ่งสัตว์เหล่านี้มักจะเป็นอันตรายอีกทางเสมอ จากการที่พวกเขามักเป็นตัวก่อโรคต่างๆ
ทำให้ยังมีอีกทางหนึ่งหากไม่ต้องการให้ขยะล้นจนเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาก็คือการลดปริมาณขยะลง แม้มันอาจไม่ได้สร้างผลกระทบต่อต้นเหตุของปัญหามากนัก แต่อย่างน้อยคุณก็ได้มีส่วนร่วมกับการลดปัญหากลิ่นเกินต้าน ลดภาระของคนเก็บขยะ และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ลดขยะภายในบ้านคุณเท่านั้น แต่ลดปัญหาขยะที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของโลกร้อนอีกด้วย
เราจะสามารถลดขยะเราได้อย่างไรบ้าง?
ปัจจุบันเรามีวิธีมากมายหลายอย่างในการจะช่วยลดปัญหาขยะในองค์รวม แต่วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงวิธีหนึ่งก็คือการลงทุนในเครื่องกำจัดเศษอาหาร
การซื้อเครื่องกำจัดเศษอาหารไฟฟ้าจะช่วยให้คุณลืมปัญหาแบบที่ผ่านๆ มาได้เลย ทั้งปริมาณขยะอาหารที่เกิดขึ้น อาหารเหลือที่กำลังจะเน่าเสียจนส่งกลิ่นเหม็น ไปจนถึงแมลงต่างๆ ที่บุกรุกบ้านจนน่ารำคาญจากการดึงดูดของเศษอาหารเหล่านั้น
แทนที่เราจะเทเศษขยะอาหารลงถังแบบเดิมๆ คุณก็เทใส่เครื่องกำจัดอาหารแทน ซึ่งเศษอาหารเหล่านั้นจะถูกย่อยสลายจนกลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้หรือสวนภายในบ้านของคุณ
แต่ถ้าหากคุณยังไม่มีต้นไม้คู่ใจ เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าอาจจะต้องหามาซักต้น เพราะเรามีเศษอาหารเพื่อผลิตปุ๋ยจำนวนมากอยู่แล้ว จะทิ้งไปเฉยๆ ก็เสียดายแย่ ซึ่งนอกจากต้นไม้จะช่วยให้บ้านเราดูสวยงามขึ้นแล้วเนี่ย ยังช่วยผลิตออกซิเจนให้กับบ้านเราได้ พร้อมลดความเครียดเราได้อีกด้วย
นอกจากนั้น หากเราสามารถผลิตปุ๋ยเองได้ เราก็สามารถสร้างสวนเล็กๆ สำหรับปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคภายในครัวเรือนได้ นอกจากจะประหยัดขึ้น ยังช่วยลดปัญหาขยะที่เกิด โดยเฉพาะจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ซื้อจากตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตได้
หากจะพูดง่ายๆ ก็คือ เครื่องกำจัดเศษอาหารเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจะลดปัญหาขยะในแง่มุมต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ยังช่วยให้คุณสามารถต่อยอดคุณภาพชีวิตไปได้อีกหลายทางเลยทีเดียว
แล้ววิธีที่จะลดปัญหาขยะล้นมีวิธีอื่นอีกไหม? อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้า เรามีวิธีมากมาย คุณสามารถเริ่มตนที่ตัวเองง่ายๆ ดังนี้:
- ใช้ขวดหรือแก้วน้ำส่วนตัว เพื่อลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มต่างๆ
- ถุงผ้า นอกจากลดปริมาณถุงพลาสติกได้แล้ว ยังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามได้อีกด้วย
- ตั้งเป้าหมายในการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- นำเศษอาหารไปทำเป็นปุ๋ย
- ลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้ง โดยเฉพาะเหล่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย (มาม่าคัพ ฯลฯ) ทั้งหลาย ที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกจำนวนมาก
- บริจาคเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของอื่นๆ แทนที่จะทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
- รณรงค์ซื้อสินค้าและบริการของท้องถิ่น หรือปลูกผักรับประทานเอง
- ลดการใช้กระดาษ โดยเฉพาะสลิปจากตู้เอทีเอ็มทั้งหลาย
- วางแผนการทำอาหารล่วงหน้า เพื่อที่จะได้ซื้อวัตถุดิบมาในปริมาณที่พอดี และจัดเก็บให้ดีจะได้ไม่เสียและทิ้งให้กลายเป็นขยะเศษอาหารต่อไป
- ทำอาหารแต่พอดี เพื่อที่จะได้ไม่เหลือทิ้ง
- หลีกเลี่ยงการทิ้งอาหารเหลือเท่าที่เป็นไปได้ (เว้นแต่นำไปย่อยเป็นปุ๋ยต่อไป)
- หากเป็นไปได้ การทานอาหารที่ร้านอาหารจะลดปัญหาขยะอาหารได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกจากบรรจุภัณฑ์ห่ออาหารได้อีกด้วย
สรุป
อย่างที่ทุกคนจะได้เห็น วิธีที่จะช่วยลดปริมาณขยะภายในครัวเรือนมีมากมาย แต่ใจความหลักก็คือเราควรมีความตระหนักถึงสิ่งที่เราทำในทุกๆ วันมากขึ้น เพราะทุกๆ การกระทำของเราสามารถสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ โดยเฉพาะในเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ที่หากเราตระหนักและเข้าใจ จะช่วยให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้แตกต่างออกไปทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมเลยทีเดียว