วันคุ้มครองโลกถือเป็นอีกวันหนึ่งที่ถูกยกให้เป็นวันสำคัญจากทั่วโลก และจำเป็นต้องมีการเฉลิมฉลองด้วยวิธีการบางอย่างไม่ต่างจากวันคริสต์มาสหรือเข้าพรรษา ด้วยความที่หลายภาคส่วนเริ่มให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมมากขึ้นและเราก็ควรที่จะเริ่มคิดถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน
วันคุ้มครองโลก (Earth Day) จะจัดขึ้นในวันที่ 22 เมษายน ของทุกปี หรือวัน “วสันตวิษุวัติ (Vernal Equinox)” หรือวันที่กลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน โดยในภาษาไทยเราก็มีคำเรียกง่ายๆ ว่า “จุดราตรีเสมอภาค” และในบางประเทศก็จะยึดเอาวันวสันตวิษุวัติเป็นหลักในการเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลก
ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับวันคุ้มครองโลกให้มากขึ้น ว่ามันเริ่มมาจากไหน สามารถเฉลิมฉลองได้อย่างไรบ้าง และใครเป็นคนริเริ่ม ไปดูกันเลย
วันคุ้มครองโลก Earth Day คืออะไร?
วันคุ้มครองโลก (Earth Day) ก็ตามชื่อเลยว่าจะเป็นวันที่เราระลึกถึงความสำคัญของโลก หรือจะเป็นวันที่เราเฉลิมฉลองต่อผลงานที่เราได้ทำมาเพิ่มการคุ้มครองโลก รักษาโลกให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นวันที่เราควรให้จะส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม วิธีเพิ่มเสริมสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมให้กับทุกคนเท่าที่จะทำได้
วันคุ้มครองโลกครั้งแรกสุดเลยคือเมื่อวันที่ 22 เมษายน ปี 1970 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือกว่า 50 ปีที่แล้ว โดย ณ ขณะนั้นการเคลื่อนไหวเพื่อการคุ้มครองโลกยังไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนหมู่มากได้มากนัก
โดยในปลายยุค 60 มีคนจำนวนไม่น้อยที่จะพยายามผลักดันในทุกภาคส่วนหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ เกย์ลอร์ด เนลสัน (Gaylord Nelson) ผู้เป็นทั้งวุฒิสมาชิกสภา ณ ขณะนั้นรวมทั้งเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยง ได้หารือและร่วมมือกับ เดนิส เฮเยส (Denis Hayes) นักศึกษาที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในการจัดตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้นเป็นครั้งแรก โดยพวกเขาหวังว่าวันดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่และประชาชนจำนวนมาก ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และพวกเขาก็ทำสำเร็จ
ในวันคุ้มครองโลกที่จัดขึ้นวันแรกนั้นเอง มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากกว่า 20 ล้านคน การเคลื่อนไหวต่างๆ เกิดขึ้นทุกหนแห่ง ทั้งโรงเรียน วิทยาลัย อนุเสาวรีย์ จอร์จ วอชิงตัน หรือแม้กระทั่งบนถนน ทุกคนต่างถกเถียงกันว่าเราจะมีวิธีช่วยโลกนี้ได้อย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากวันคุ้มครองโลกเสร็จ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ผ่านร่างกฎหมายอากาศสะอาด (clean air act) ที่จะช่วยเซฟชีวิตคนได้อีกมากมายในอนาคต รวมไปถึงร่างกฎหมายอื่นๆ ที่กำลังจะผ่านเป็นกฏหมายบังคับใช้จริงๆ
ให้หลังผ่านมาอีก 20 ปี ในปี 1990 วันคุ้มครองโลกก็เป็นที่รู้จักนอกสหรัฐฯ และปัจจุบันก็เป็นวันสำคัญที่มีประเทศต่างๆ ร่วมเฉลิมฉลองกันมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ได้อย่างดีว่าแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของมนุษย์เราไม่ได้หายไปไหนแต่อย่างใด และในวันคุ้มครองโลก ปี 2016 นานาประเทศก็ได้ลงนามในข้อตกลงสภาพภูมิอากาศปารีส (Paris Climate Agreement) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่จะช่วยลดปริมาณการผลิตก๊าซโลกร้อนในอนาคต
เราจะสามารถเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลกได้อย่างไรได้บ้าง?
วันคุ้มครองโลกเป็นวันที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของโลก ไม่ว่าจะเป็นการสอน คิดหาวิธีใหม่ๆ และดำเนินการเท่าที่จะทำได้เพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตปรินท์ หรือรักษาโลกของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่ถ้าถามว่าจริงๆ แล้ววิธีที่ว่ามีอะไรบ้าง เราก็เลยลองลิสต์วิธีการช่วยลดโลกร้อนได้อย่างง่ายๆ มาให้ดูกัน
- ประเมินผลกระทบที่คุณสร้างต่อสิ่งแวดล้อม – และหาทางลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
- ปลูกต้นไม้ – คลาสสิค วิธีที่ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ คุณเองก็ปลูกได้นะ ทำง่าย แถมยังเป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ ได้อีกด้วย
- ลองทำสวนหลังบ้าน – การทำสวนปลูกผักทานในครัวเรือนถือเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่ง เพราะในขณะที่เรากำลังช่วยโลกของเราตามปณิทานของวันคุ้มครองโลกแล้ว เรายังสามารถลดคาร์บอนฟุตปรินท์ในการขนส่งอาหารได้อีกด้วย แถมยังเป็นวิธีที่ยั่งยืนต่อครอบครัวในระยะยาวอีกด้วย
- นำเศษอาหารมาทำเป็นปุ๋ย – ขยะเศษอาหารก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงและสามารถสร้างก๊าซเรือนกระจกอย่างมีเทนได้อีกด้วย ดังนั้นหาเราเริ่มนำเศษอาหารที่เราทานเหลือในแต่ละวันมาทำเป็นปุ๋ย ไม่ว่าจะทำแบบดั้งเดิม หรือใช้เครื่องย่อยเศษอาหารไฟฟ้า ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะและก๊าซเรือนกระจกได้มากอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
- รีไซเคิล – ไม่ใช่แค่อาหารที่นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ แต่ขยะอื่นๆ เช่น พลาสติก กระดาษแข็ง และอื่นๆ หากสามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้ประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติมก็จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับโลกของเราได้ โดยเฉพาะในวันคุ้มครองโลกนี้เอง มาช่วยกระตุ้นให้เกิดการรีไซเคิลให้มากขึ้นกันเถอะ!
- ช่วยเก็บขยะในท้องที่ – อีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของวันคุ้มครองโลกก็คือช่วยกันเก็บชยะในท้องที่ของเราเนี่ยแหละ ซึ่งไม่ใช่แค่เก็บขยะเท่านั้น แต่การกระตุ้นให้คนไม่ทิ้งขยะเรี่ยราดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้ละแวกบ้านสะอาดขึ้นด้วยนะ
- เก็บขยะบนหาด – คล้ายๆ กับด้านบน เพราะหาดไม่ได้มีเพียงแค่ขยะจากคนในท้องถิ่นทิ้งเท่านั้น ยังอาจเป็นขยะที่ลอยมาตามคลื่นได้ แถมยังเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลด้วย
- ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน – ไม่ใช่จะทำได้บ่อย แต่หากมีโอกาส ทุกคนก็จะช่วยลดโลกร้อนได้เยอะเลย
- ไม่ใช่รถซักหนึ่งวัน – ในประเทศไทยเราอาจเป็นเรื่องยากหากต้องเดินทางไม่ไหนมาไหน แต่การใช้รถสาธารณะก็จะช่วยลดปริมาณก๊าซโลกร้อนที่จะเกิดขึ้นได้จากรถหนึ่งคันเลย
- ลดการใช้ไฟฟ้าซักหนึ่งวัน – ลองไม่ใช้ไฟในบ้านซักวัน แล้วดูว่าเราจะสามารถอยู่ได้ไหม หรือออกไปสนุกข้างนอกก็ดีนะ
- สร้างสื่อเพื่อตระหนักรู้ – อาจจะเป็นวิดีโอ หรือสตอรี่เชิญชวนผู้คนให้หันมารักษ์สิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
- ลองออกไปสำรวจอุทยานดูไหม? – การออกไปเยี่ยมชมสถานที่ทางธรรมชาติจะทำให้เราเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าสิ่งที่เรากำลังปกป้องหน้าตาเป็นอย่างไร
- เดินป่า – เช่นเดียวกับด้านบน นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความสวยงามของธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร
- ปรับใช้กับธุรกิจ – เช่นรีไซเคิลสินค้าหรือเศษขยะที่ดูเหมือนไม่จำเป็นภายในร้านหรือองค์กร สร้างนโยบายใหม่เพื่อตอบรับกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เป็นต้น
- ปรับใช้กับตัวเราเอง – เพราะนั่นคือเหตุผลหลักของทุกสิ่งอย่างที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่
ความสำคัญของการเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลก
วันคุ้มครองโลกกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้หลายคนหันมาศึกษาและกระตุ้นความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดีในเรื่องของการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกของเรา ทั้งในระดับเอกชน ภาครัฐ และระดับนานาชาติ การเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลกคือหนทางที่จะทำให้เราตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของเราและทำให้วิธีการเพื่อช่วยโลกของเรามันไม่หยุดนิ่ง แม้หลายคนจะบอกว่าเราควรทำเช่นนั้นตลอดเวลา แต่การมีสิ่งกระตุ้นนานๆ ก็สามารถเร่งกระบวนการต่างๆ ให้รวดเร็วขึ้นได้
ถ้าหากเรายังไม่สามารถเดินทางไปในทิศทางที่ถูกต้อง ในอนาคตเราก็อาจจะพบเจอกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่า หรือเร่งให้ผลลัพธ์นั้นมาเร็วขึ้น ที่เราเห็นได้ชัดๆ เลยก็คือสภาพอากาศแปรปรวน (climate change) ภาวะโลกร้อน (global warming) และการขาดความยั่งยืนในด้านต่างๆ โดยปัญหาที่กล่าวไปข้างต้น แม้ก่อนหน้าจะยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ แต่เราก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าปัจจุบันมันกลายเป็นปัญหาที่ทุกคนก็สามารถรับรู้และรู้สึกได้
ธุรกิจหลายต่อหลายธุรกิจก็กำลังให้ความสำคัญกับการมองหาหนทางเพื่อความยั่งยืน รวมถึงโฟกัสกับผลกระทบของธุรกิจตัวเองต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในระดับปัจเจกบุคคล เราก็เริ่มเปลี่ยนมุมมองเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเช่นกัน เช่น ย่อยเศษขยะอาหาร ดีกว่าแค่เททิ้งไปเฉยๆ
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จำเป็นต้องมีการสร้างความต่อเนื่อง และวันคุ้มครองโลกก็เป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการกระตุ้นทำให้เกิดความต่อเนื่องนั้นต่อไปเรื่อยๆ
การมีวันใดวันหนึ่งในรอบปีที่ผู้คนนับล้านๆ คนออกมาสร้างการเคลื่อนไหวต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างการตระหนักรู้ต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่ควรจะทำต่อไปเรื่อยๆ และแน่นอน ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองเช่นกัน